เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
เว็บไซต์ E-Commerce หรือเรียกง่ายๆ ว่า เว็บไซต์ขายของออนไลน์ เว็บไซต์เหล่านี้ควรทำ SEO เพื่อให้ Keyword ที่ต้องการติดอันดับบนหน้าแสดงผลการค้นหาของ Google เพราะจะช่วยให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จัก เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น และช่วยเพิ่มยอดขายสินค้าได้มากขึ้น โดยการทำ SEO ที่ดีควรตอบโจทย์ลูกค้าดังนี้
เว็บไซต์ E-Commerce ควรทำ SEO อย่างไร ?
1. ศึกษาคำค้นหา (Keyword Research) ให้ตรงกลุ่ม
Keyword Research คือ การศึกษาคำค้นหาที่ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าใช้ค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต การทำ Keyword Research จะช่วยให้เว็บไซต์ทราบได้ว่าลูกค้ามีความสนใจในสินค้าหรือบริการประเภทใด คุณสมบัติใด และต้องการทราบข้อมูลอะไรบ้าง เมื่อทราบข้อมูลเหล่านี้แล้ว เว็บไซต์สามารถนำมาใช้สร้างเนื้อหาบนเว็บไซต์ให้ตรงกับความสนใจของลูกค้าได้มากขึ้น
2. สร้างเนื้อหาคุณภาพสูง
เนื้อหาบนเว็บไซต์เป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ที่ส่งผลต่อการทำ SEO เว็บไซต์ควรสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ เป็นประโยชน์ และให้ข้อมูลครบถ้วนตรงตามความต้องการของลูกค้า เนื้อหาควรมีการเขียนที่ถูกต้องตามหลักภาษา มีการใส่ภาพประกอบ และมีการแบ่งเนื้อหาออกเป็นหัวข้อย่อยเพื่อให้อ่านง่าย
SEO กับ SEM ถ้ามีงบแค่ 20,000 ควรเลือกทำอะไรก่อน ?
ตัวอย่างเนื้อหาบนเว็บไซต์ขายของออนไลน์ ที่ตอบโจทย์ลูกค้า
- บทความเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ
- รีวิวสินค้าหรือบริการ
- คำแนะนำในการเลือกซื้อสินค้าหรือบริการ
- โปรโมชั่นและส่วนลด
- เคล็ดลับการใช้งานสินค้าหรือบริการ
3. ปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์ให้เหมาะสม
โครงสร้างเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น เว็บไซต์ควรใช้โครงสร้างเว็บไซต์ที่เป็นระเบียบ มีการเชื่อมโยงเนื้อหาภายในเว็บไซต์อย่างเหมาะสม และมีการระบุหัวข้อหลักและหัวข้อย่อยให้กับเนื้อหาแต่ละหน้า
4. ปรับแต่งเว็บไซต์ให้เหมาะกับการใช้งานบนมือถือ
ปัจจุบันมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่มากขึ้น เว็บไซต์ควรปรับแต่งเว็บไซต์ให้เหมาะกับการใช้งานบนมือถือ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้สะดวกและรวดเร็ว
5. สร้างลิงก์ย้อนกลับ (Backlinks)
ลิงก์ย้อนกลับเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่ส่งผลต่อการทำ SEO เว็บไซต์ควรหาแหล่งที่มาของลิงก์ย้อนกลับที่มีคุณภาพ เช่น เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของเว็บไซต์ หรือเว็บไซต์ที่เป็นที่ยอมรับจาก Google
6. ติดตามผลการทำ SEO
นอกจากการทำ SEO ตามแนวทางข้างต้นแล้ว เว็บไซต์ควรให้ความสำคัญกับการติดตามผลการทำ SEO อยู่เสมอ เพื่อปรับปรุงแนวทางการทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เว็บไซต์สามารถใช้บริการของผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO เพื่อช่วยในการวิเคราะห์และปรับปรุงการทำ SEO ได้
เคล็ดลับการทำ SEO สำหรับเว็บไซต์ขายของออนไลน์
- การใช้รูปภาพและวิดีโอคุณภาพสูงบนเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย จะช่วยให้ลูกค้าสามารถมองเห็นสินค้าหรือบริการได้ชัดเจนขึ้น
- การให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดส่งและการชำระเงิน จะช่วยให้ลูกค้ามั่นใจว่าจะได้รับสินค้าหรือบริการอย่างรวดเร็วและปลอดภัย
- การให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริการหลังการขาย จะช่วยให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจในแบรนด์
การทำ SEO ที่ดีจะช่วยให้เว็บไซต์ E-Commerce สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น และเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้มากขึ้น เว็บไซต์ควรให้ความสำคัญกับการทำ SEO อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับบนหน้าผลการค้นหาของ Google อยู่เสมอ
ตัวอย่างเว็บไซต์ในไทย ที่เพิ่มยอดขายออนไลน์จากการทำ SEO
- Amazon
- Shopee
- Lazada
- JD Central
- Central Online
- Power Buy
- HomePro
- Makro
- Big C
เว็บไซต์เหล่านี้ประสบความสำเร็จในการทำ SEO เพราะมีเนื้อหาคุณภาพสูง โครงสร้างเว็บไซต์ที่ดี และมีการปรับปรุงเนื้อหาและโครงสร้างเว็บไซต์อยู่เสมอ นอกจากนี้ เว็บไซต์เหล่านี้ยังมีปริมาณลิงก์ย้อนกลับที่มีคุณภาพจำนวนมาก
หากคุณรู้สึกว่าขั้นตอนเหล่านี้นั้นยากเกินไป Soar Fast เรามีบริการ รับทำ SEO พร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้าน On-Page, Off-Page, Technical, Digital Marketing ซึ่งทางเราได้เตรียมพร้อมทุกกลยุทธ์เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ติดต่อเราผ่านช่องทาง Line: https://lin.ee/If9vGQQ